ตอนที่ 2: สนามบินตรีภูวัน ณ กาฐมัณฑุ
เราไปกันเป็นทีมทัวร์ต้องร่มมือร่วมใจร่วมทีม พอได้ยินเสียงร้องบอกต่อๆ กันมาว่าเตรียมเอกสารได้แล้ว เครื่องของเรามาแล้วล่ะ ได้เวลาซักที เราเผลอแอบมองบรรดาเพื่อนร่วมทางยิ้มแย้มและทักทายให้เพื่อนใหม่ที่ต้องใช้เวลาร่วมกันอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้
ในฐานะเพื่อนร่วมทาง สังเกตดูแล้วมีหลายวัยมาก ตั้งแต่อาแปะ อาวซิ่ม อาเจ็ก ไปจนถึงเด็กที่ดูจะอายุน้อยที่สุด เป็นเด็กผู้ชายอายุก็ราวๆ 9 ขวบ ดูท่าทางคล่องแคล่วว่องไว แววตาอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ส่องประกายวาววับ เค้าชื่อว่าน้องอู่ข้าว
แต่ละคนเดินเรียงแถวเดินเข้าข้างในเครื่องบินในมือมีตั๋วเครื่องบินที่มีหมายเลขที่นั่งของตน ถึงคิวเราแล้ว มีสจ๊วตผายมือไปทางด้านข้างว่าถึงที่นั่งแล้ว
ฮ้า..โชคชะตาเข้าทาง เราได้นั่งติดริมหน้าต่าง พอที่ทางลงตัว เตรียมหาหนังสืออ่านทำลายเวลาระหว่างเดินทาง ได้นั่งเหล่เมืองท่ามกลางขุนเขารายล้อม พอได้ยินมาว่าที่สนามบินตรีภูวันแห่งเมืองกาฐมัณฑุ เป็นเมืองที่นักบินนำเครื่องลงได้ยากมาก เรียกว่าใครจะมาขับเครื่องลงที่นี่ได้ฝีมือไม่ธรรมดา ได้นั่งมองวิวด้านข้าง
โอ้ว..ช่าง..งดงามเหลือเกิน จนตัวเราเองอดไม่ได้ที่ต้องชะโงกหน้าลงไปมองข้างล่างอย่างตื่นตาตื่นใจ เบื้องล่างมีหุบเขามากมาย มีสีสันบ้านเรือนเรียงรายเป็นกระจุกมองไม่เห็นประชากรเท่าไหร่นัก อาจเป็นเพราะระดับความสูง ได้ยินเสียงไกด์บอกให้คนที่อยู่ฝั่งซ้ายมือ
มองวิวข้างๆ จะเห็นเทือกเขาหิมาลัยแล้ว หลายๆคนพากันลุกกรูจากที่นั่งฝั่งตนพร้อมกับกล้องถ่ายรูปไปเก็บภาพสวยๆไว้ในแผ่นฟิล์ม นำกลับไปฝากคนที่ไม่ได้มาด้วย เราอยู่คนละฝั่งยังแอบมองกับเขาด้วย ...
โห..ความสวยงามเหล่านั้น มันบอกไม่ถูกเลยว่าเป็นอย่างไร ขนลุกซู่ชูชัน ไม่ได้เกิดจากอากาศเยือกเย็น แต่เป็นใจต่างหากที่ยินดีกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ดั่งสวรรค์บนดิน เสียจริงเชียว การได้มองทิวเขาจากเครื่องบินในที่สูงเช่นนี้
หากไม่เปรียบกับสวรรค์แล้ว ไม่รู้ว่าจะเปรียบกับอะไรได้ ความตื่นเต้นยังไม่จางไปจากหัวใจเลย เสียงแอร์โฮสเตสสาวประกาศขอบคุณผู้โดยสารที่มาด้วยพร้อมกับบอกชื่อกัปตันที่นำทีมพวกเรามาถึงที่นี่โดยสวัสดิภาพ นี่..ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่พวกเราก็ถึงที่หมายแล้ว
อากาศที่กำลังเย็นแบบพอดีๆ ไม่หนาวจนเกินไป ทำให้จิตใตปลอดโล่งเหลือเกิน ตรีภูวันเป็นสนามบินเล็กๆ สีตึกสวย เป็นอิฐสีแดงใกล้เคียงธรรมชาติ ไม่ดูพลุกพล่านวุ่นวาย มองลงมาจากหน้าต่างเครื่องบิน เห็นตึกเล็ก เรียงกันเป็นสีธรรมชาติ มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง บ่งบอกถึงความมีวัฒนธรรมของตัวเองของเมือง ไม่สงสัยว่าทำไมถึงได้เป็นเมืองแห่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม ทั้งคนทั้งเมือง ที่เคลื่อนไหวอยู่ในเมืองนี้เป็นมรดกที่ล้ำค่า เป็นวิถีชีวิตที่ต่างไปจากบ้านเรา
ยังมีต่อ
Comments
Post a Comment