Skip to main content

"ไม่ได้ไม่ได้ ต้องได้"

"ไม่ได้ไม่ได้     ต้องได้"


คำพูดนี้ยังกึกก้องอยู่ในหัวของศิษย์เก่า ร.ร อนุชนวัฒนาอย่างเราเสมอ


ทุกครั้งที่นึกถึงวัยเด็ก
เมื่อครั้งที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนอนุชนวัฒนา
หรือโรงเรียนกระโปรงแดง



เพราะนักเรียนผู้หญิงทุกคนจะใส่กระโปรงสีแดง
มีคุณครูใหญ่ ชื่อคุณครู ฉวีวรรณ วรประวัติ
ที่เข้มงวดกับนักเรียนประถม.ปลายเรื่องภาษาอังกฤษ

นักเรียนทุกคนต้องท่องศัพท์ภาษาอังกฤษเป็นการบ้านให้ท่องจำทุกวัน
วันละ 5- 10 คำ เวลาที่นั่งรถโดยสารกลับบ้าน
ไม่ใช่เวลาที่จะมัวนั่งเล่นบนรถเหมือนเด็กๆที่อื่น
พวกเราชาวอนุชนวัฒนาจะต้องท่องศัพท์ให้ได้


ไม่เช่นนั้นครูใหญ่จะเรียกถาม หากตอบไม่ได้นั่นหมายถึง
เราต้องออกไปหน้าห้อง ตอบส่วนตัวกับครูใหญ่


ใครจะกล้าไปยืนขาสั่นหน้าห้องเรียนอ่านภาษาอังกฤษให้ครูใหญ่ฟัง ต่อหน้าเพื่อนๆทั้งห้อง


ครูใหญ่บอกเสมอว่า "ไม่ได้ไม่ได้ ต้องได้"


ท่านหมายถึงเรื่องอุปสรรคย่อมเกิดขึ้นเสมอในชีวิตมนุษย์เเรา แต่พวกเราอย่าท้อ หากคิดและทำสิ่งใดในชีวิตแล้ว ต้องไม่ท้อ ไม่ถอย


ไม่มีอะไรในโลกใบนี้ที่มนุษย์อย่างเราทุกคนทำไม่ได้

เพราะฉะนั้นนักเรียนต้องจำไว้ให้ขึ้นใจว่า

.
.
.
.
"ไม่ได้ไม่ได้ ต้องได้"



จากวัยอนุบาล ประถม มัธยม มหาลัย ของเรา

จวบจนถึงวันนี้ คำนี้ก้องกึกในหูของเราเสมอ

ไม่ว่าจะเจออะไรเข้า

มาในชีวิต
.
.
.
.
...
"ไม่ได้ไม่ได้ ต้องได้"


Korpai Lee


12 Jan 2024



Comments

Popular posts from this blog

:: มีอะไรที่ไม่เปลี่ยน/Changing ::

โลกบอกอะไรแก่เราบ้าง หรืออาจลืมอะไรบางอย่างที่วางไว้ บอกเรื่องก้าวหน้าเดินต่อไป เตือนสิ่งดีไว้หันมองคราใดใจยังจำ ลืมคนบางคนบนเวลาที่ว่าเหงา หรือลืมเงาคนเก่าที่เคยหวัง กลับมองสิ่งที่ผ่านเป็นพลัง เติมความหวังไม่ย้อนไปให้ซ้ำเดิม หันมองเวลากลับผ่านเมื่อวันก่อน มีทุกข์ร้อนซ่อนความหวานซ่านปนขม มีเรื่องราวหลายหลากซากระบม มีทั้งเรื่องทั้งโง่บรมขมเหลือใจ อาจหันมองคืนวันเก่าแล้วขบขัน หลายสิ่งที่คิดไปในวันนั้น ตัดสินใจทำไปได้อย่างไรกัน ไม่อาจหันเปลี่ยนใจแล้วไม่มอง วัน เวลา เข็มนาฬิกา แม้ว่าไม่ได้นั่งเฝ้ามองดู ทุกอย่างยังเดินหน้าอยู่ ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูของมัน KorPai 15 ธันวาคม 2555

:: ส้มหล่นลูกใหญ่ได้ไปเนปาล::

ตอนที่ 3 : สีสันแห่งชีวิต ตามติดไปช็อปปิ้งที่เมืองธาเมล ผู้คนที่เห็นข้างหน้าแต่งตัวคล้ายกับที่เราเคยเห็นท่านทาไลลามะเสียจริง กำลังเดินผ่านช้องตรวจคนเข้าเมืองเป็นแถว “ว้าว..จริงด้วยมีพระทิเบตกำลังเข้าแถวต่อจากกลุ่มทัวร์ของเรา” เลยได้เห็นการต้อนรับอาคันตุกะตามแบบฉบับของชาวเนปาลี ถ้าใครตามดูข่าวในพระราชสำนักตอนที่สมเด็จพระเทพฯ ท่านเสด็จเยื่อนละแวกนี้จะมีชาวทิเบตให้การต้อนรับอย่างนี้เช่นกัน เค้าจะมีผ้าสีขาวไว้คล้องคอของแขกผู้มาเยือนก่อนเข้าเมือง บรรดาพระจีนจากเมืองต่างในแถบเอเชียมีการประชุมกันที่เนปาล เราเพิ่งเห็นป้ายที่แขวนระหว่างทางที่เขียนต้อนรับพระทิเบตเหล่านั้น เดินออกมาจากสนามบินเห็นหนุ่มๆ ที่มีรถไว้บริการผู้โดยสารที่เพิ่งลงจากเครื่องบินต่างเรียกให้ใช้บริการของตนกันด้วยรถคันเล็กสีขาวจอดเรียงกันเต็มสนามบิน ส่วนเราเดินตามขบวนที่มีรถโค้ชคันใหญ่มารับ พอจัดการกับสัมภาระเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นรถเตรียมตัวเดินทางเข้าที่พัก พอขึ้นรถก็มีไกด์ท้องถิ่น ท่าทางแต่ละคนมีลักษณะกรุ้มกริ่ม แววตาเจ้าชู้ หน้าตาคมคาย แบบฉบับคนแขกทั่วๆไปแต่ส่วนใหญ่ผิวสีคล้ำ ส่วนไกด์ประจำรถเราแนะนำตัวว่าชื่อคีราน จา

:: ส้มหล่นลูกใหญ่ได้ไปเนปาล::

ตอนที่ 1 ตะลุยสุวรรณภูมิ เมื่อมีโอกาสเดินเข้ามาหา จงอย่าได้ปฏิเสธมัน ไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีบางสิ่งบางอย่าง วิ่งเข้ามาหาเราโดยที่ไม่ได้ตั้งตัว นั้นแหละคือที่มาของ Trip นี้                                       บังเอิญว่าขายเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดได้ยอดขายตามเป้าที่บริษัทแม่กำหนดไว้ที่บ้านเราเป็นผู้แทนจำหน่าย ทำยอดได้เป้าการขายที่ทางบริษัทมีสมนาคุณให้ไปเที่ยวเนปาล อาปากับแม่ไม่ไป             ส้มลูกใหญ่เลยหล่นล่วงลงมาหาป้ากับเราได้พากันเหิรฟ้า ท้าอากาศ หนาวที่เนปาล                         ช่างเป็นทริปที่เหลือเชื่อ ช่วยให้เราได้มีโอกาสประเดิมสนามบินแห่งใหม่ของเมืองไทย เป็นครั้งแรก   พอได้ลุยสนามบินใหม่เห็นสารพัดสิ่งที่เหมือนจะดูไฉไลซะจริงเชียว ไม่ว่าจะเดินเลาะเลี้ยวไปที่ใดก็เจอแต่สินค้ามากมาย ชวนให้เงินเราไหลออกนอกตัวเป็นยิ่งนัก ร้านรวงระหว่างทางช่างชวนสายตาให้เหลือบมอง ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอม ผ้าพันคอแสนสวย เครื่องสำอางค์ คอลเลคชั่นใหม่มาแรงเพียบ     จนต้องนั่งมองความคิดมองสติให้ดีก่อนเดินทาง เพราะมีสิ่งล่อลวงใจให้ใหลหลงเข้าดงระงับกิเลศตลอดทาง เผลอเมื่อไหร่เป็นได้จับจ่ายใช้สอย ทา